วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นกมูลไถ พิชิตเหยี่ยว นิทานชาดก

ธรรมดาของสัตว์โลกทุกชนิด ผู้มีกำลังย่อมกดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบผู้อ่อนแอกว่า แต่ถ้าผู้อ่อนแอกว่าใช้สติปัญญา ให้ไหวพริบปฏิภาณ ย่อมสามารถพิชิต ผู้มีกำลังมากกว่าได้ ดังนิทานเรื่องต่อไปนี้ ซึ่งมาใน "สกุณมิคชาดก ทุกนิบาต"




ณ ทุ่งกว้างแแห่งหนึ่ง นกมูลไถตัวหนึ่งหากินอยู่ตามมูลไถที่เขาไถไว้ ได้รับความสุขและความปลอดภัยด้วยดีเสมอมาเป็นเวลาช้านาน แต่เมื่อเนินนานไปนกมูลไถเริ่มเบื่อกับความจำเจ คิดอยากไปหาประสบการณ์ที่อื่น ๆ บ้าง ตามประสาผู้อยากรู้อยากเห็น

"เอ้อ ... เราหากินอยู่ที่นี่ก็นานค่อนชีวิตแล้ว เราน่าจะไปหากินยังที่อื่น ๆ บ้าง เผื่อจะอุดมสมบูรณ์กว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อยู่อย่างนี้มันไร้รสชาติสิ้นดี"

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เจ้านกมูลไถก็ย้ายทำเล หากินของตนไปยังที่อื่นทันที โดยลำพัง เพราะความอยากรู้อยากสัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ บินมาได้ไกลพอสมควร เจ้านกมูลไถเห็นที่โล่งแห่งหนึ่งอาหารชุกชุม ถึงได้ถลาลงหากินอย่างเพลิดเพลิน



วันแรกผ่านไปด้วยดี แต่เหตุร้ายก็มาเยือน พอในวันที่สอง ขณะที่นกมูลไถหากินอยู่นั้น เหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงมาจิกตัวมันไป โดยมี่นกมูลไถไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเลย เพราะความไม่ชำนาญพื้นที่ มันจึงร้องคร่ำครวญด้วยความเสียใจว่า

"โอ้ ... เรานี่ช่างบุญน้อยเสียจริง เรารักษาตัวไม่รอดเพราะมาหากินต่างถิ่น ถ้าเรายังหากินยังถิ่นของเรา เราคงไม่ถูกทำร้ายเช่นนี้แน่"

"เจ้าหากินอยู่ที่ไหน..." เหยี่ยวได้ฟังนกมูลไถคร่ำครวญ จึงถามอย่างใคร่รู้

"เราหากินตามมูลไถ ยังชายเมืองโน่น และไม่เคยมีใครมาทำร้ายเราได้เลย แม้แต่พวกท่าน" นกมูลไถเห็นโอกาสที่จะรอดพ้นจากความตาย จึงกล่าวทำนองว่าถ้าแน่จริงก็ปล่อยข้าแล้วไปไล่จับยังถิ่นข้าสิ

"เจ้าคิดว่่าเจ้าอยู่ยังถิ่นของเจ้าจะพ้นเงื้อมมือข้าเรอะ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแล้ววันหน้าข้าจะไปตามล่าเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าคิดผิด เพราะลำพังแค่ขี้ไถจะช่วยอะไรเจ้าได้ ฮ่า ๆๆๆ..." เหยี่ยวกล่าวอย่างมั่นใจในศักยภาพของตัวเองแล้วปล่อยนกมูลไถไป



นกมูลไถ เมื่อรอดตายก็รีบบินกลับยังภูมิลำเนาเดิมของตนทันที และก็ไม่คิดที่จะไปหากินที่อื่นอีกเลย มันจะหากินด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าเหยี่ยวจะโฉบจิกเอาไปเป็นเหยื่อ

และแล้ววันหนึ่ง ขณะที่นกมูลไถกำลังหากินอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเหยี่ยวตัวที่เคยจับตน กำลังบินโฉบ บินร่ิอนอยู่ จึงร้องทักทายว่า

"เฮ้ย ... เจ้าเหยี่ยว ข้ออยุ่นี่ ครั้งก่อนข้าพลาดถูกเจ้าจับกินนอกถิ่น ถ้าเจ้าแน่จริง ก็จับข้าให้ได้เร็ว ๆ ข้าจะรอ ..."

"บังอาจ !... เจ้ากล้าท้าทายเราเรอะ ไอ้กระจอก เตรียมตัวตายได้เลย " เหยี่ยวได้ยินคำร้องท้าทายจากนกมูลไถตัวเล็ก ๆ กโมโหโกรธ จึงตวาดไปแล้วก็รีบถลาลงมาอย่างรวดเร็ว

นกมูลไถระวังตัวอยู่แล้ว มันจึงหลบลงไปตามก้อนดินที่เขาไถไว้ เหยี่ยวไม่ได้ระวังตัว หุบปีกทั้งสองข้างดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ด้วยหมายจะพิฆาตนกมูลไถ จึงหลบไม่ทัน หน้าอกกระแทกก้อนดินอย่างแรง จนอกแตกตายคาที่

นกมูลไถ เมื่อเห็นตัวปลอดภัยดีแล้ว จึงออกมาจากที่ซ่อน แล้วจึงกล่าวอย่างผู้มีชัยว่า

"อย่าคิดว่าเจ้ามีกำลังมากกว่า แล้วจะรังแกผู้ด้อยกว่าได้เสมอไป หากผู้มีกำลังด้วยกว่าใช้สติปัญญา อย่างรอบคอบ ก็อาจจะเอาชนะได้เช่นกัน"

มาชาติสุดท้าย เหยี่ยว ได้เกิดมาเป็นพระเทวทัต ส่วนนกมูลไถ ได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่มีกำลังเข้มแข็ง แต่หากหยิ่งทรนง ย่อมจะพบกับภัยพิบัติมากกว่าจะพบความสำเร็จ จงเข้มแข็ง แต่อย่าแข็งกระด้าง จงอ่อนน้อม แต่อย่าอ่อนแอ




6 ความคิดเห็น:

  1. นิทาน เป็นเรื่องราว ที่เล่าทุกครั้ง ก็นึกภาพออกทุกๆครา

    ตอบลบ
  2. นึกว่าเหยี่ยวเป็นศรีวราห์ซะอีก ..55

    ตอบลบ
  3. หยิ่งผยองในความเป็นเหยี่ยว แต่ไม่ได้เฉลียวใจ ในภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ผู้ประมาท ย่อมขึ้นชื่อว่า ตายแล้ว

    ตอบลบ
  4. ได้ข้อคิดดีครับ **ไม่เถลไถลและไม่ประมาท จักพ้นภัยแน่แท้**

    ตอบลบ
  5. เป็นกำลังใจให้ขุนรบพระนิพพานทุกท่านครับ

    ตอบลบ