เมื่อครั้งที่พระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ ณ.กรุงพาราณสี อาณาประชาราษฎร์ต่างชื่นชมในพระบารมียิ่งนัก เพราะพระองค์ทรงปกครองด้วยทศพิษราชธรรม คราวหนึ่ง พระองค์รับสั่งให้จัดงานมหรสพอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้พักผ่อนหย่ิอนใจ หาความสุขสำราญ ผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ แม้กระทั่งพญานาคกับพญาครุฑก็ยังจำแลงแปลงกายเป็นคน เดินปะบนเทียวชมมหรสพกับฝูงชน
ทุกคนที่มาเที่ยวต่างก็มีความสุข สนุกสนานเฮอา หัวเราะ ปรบมืออย่างครึ้นเครง ในครั้งนั้น พญาครุฑยืนดูมหรสพอยุ่เบื้องหน้า พญานาคยืนอยู่เบื้องหลัง โดยทั้งคู่มิได้เอะใจแต่อย่างใด ต่างดูมหรสพกันอย่างเพลิดเพลิน
คราวหนึ่งพญานาคถูกอกถูกใจอย่างเต็มที่ในการแสดง จึงเผลอตัวยกมือตบไหล่พญาครุฑพลางหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ ทำให้พญาครุฑขุ้นใจและหันขวับมามองทันที
"เฮ้ย! นายถือดียังไงมาตบไหล่ข้า หาเรื่องหรือไง" พญาครุฑเอาเรื่อง
"เฮ้ย! ขอโทษที เพลินไปหน่อย ..." พญานาคพูดได้เท่านั้น ก็ต้องหลบหน้าทันที
"เฮ้ย! พญานาคนี่หว่า ข้ากำลังอยากพบตัวอยู่พอดี" พญาครุฑกล่าวอย่างโมโห
ผ่ายพญานาคตกใจกลัว มิได้ตอบโต้แต่ประการใด รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว พญาครุฑก็ติดตามไปทันที ด้วยหมายจะชำระแค้นให้สิ้นซาก
พญานาคก็พยายามหนีจนสุดฤทธิ์ แต่พญาครุฑก็ตามไม่ห่าง ขณะนั้น มีฤาษีตนหนึ่งเปลื้องผ้าเปลือกไม้อยู่ที่ริมลำธารแล้วลงอาบน้ำอยู่ในลำธาร พญานาคเห็นไม่มีที่พึงอื่นจึงจำแลงกายเป็นลูกแก้วเข้าไปหลบในผ้้าเปลือกไม้ของฤาษี ด้วยคิดว่า
"ท่าจะหนีไม่พ้นแล้วเรา ต้องอาศัยฤาษีช่วย ไม่งั้นตายแน่ ๆ "
ฝ่ายพญาครุฑที่ตามมาติด ๆ แม้รู้อยู่ว่าพญานาคแปลงเป็นลูกแก้ว หลบซ่อนอยู่ที่ผ้าเปลือกไม้ ด้วยความเคารพในฤาษีจึงมิอาจเลิกผ้าเปลืิอกไม้ออก ได้แต่รอคอยด้วยหวังว่า
"เดี่ยวเถาะ ... ท่านดาบสหยิบผ้านุ่งห่มเรียบร้อยเมื่อไร เสร็จข้าแน่ ไอ้พญานาค"
ดาบสรู้วาระจิตของพญาครุฑ จึงกล่าวเตือนว่า
"คนที่ยำเกรงต่อผู้มีคุณวุฒิภาวะสูงกว่า แม้กระหายใคร่จะสังหารพญานาค แต่ก็ไม่ทำเพราะพญานาคได้หลบอยู่ในผ้าเปลือกไม้ของผู้มี่มีวุฒิภาวะสูงกว่าผู้นั้นเป็นผู้ประเสริฐ จะเป็นผู้มีอายุยืนยาว ขออาหารทิพย์จงเกิดมีต่อผู้นั้น จงอย่าทำปาณาติบาต (ฆ่ากัน) เลย "
พอกล่าวจบดาบสก็ขึ้นจากน้ำนุ่งห่มผ้าเปลือกไม้ แล้วนำพญานาคกับพญาครุฑไปสู่อาศรม กล่าวพรรณนาอานิสงส์ของเมตา และพร่ำสอนไม่ให้เบียดเบียนกัน
ในที่สุดพญานาคกับพญาครุฑ ก็กลายเป็นมิตรกัน มิได้มุ่งร้ายต่อกันอีกเลย มาชาติสุดท้ายดาบสได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทุกคนรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น จงนำเอาเมตตาธรรมเข้ามาใช้ให้มาก อย่าปล่อยให้จิตใจเป็นคนป่าอีกต่อไปเลย ความสุขความสงบย่อมเกิดจาก "เมตตา" ดังพุทธสถภาษิตที่ว่า "โลโดปัตถัมภิกา เมตตา" เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น