วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พญานาคกับพญาครุฑ



ในโลกนี้ไม่มีมิตรศัตรูถาวร คนเราถ้ารู้จักปรับทัศนคติเข้าหากัน ร่วมกันเดินทางสายกลาง ย่อมจะก้าวเดินร่วมกันได้อย่างมีความสุข นิทานเรื่องนี้มาใน "อุรคชาดก ทุกนิบาต"

เมื่อครั้งที่พระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ ณ.กรุงพาราณสี อาณาประชาราษฎร์ต่างชื่นชมในพระบารมียิ่งนัก เพราะพระองค์ทรงปกครองด้วยทศพิษราชธรรม คราวหนึ่ง พระองค์รับสั่งให้จัดงานมหรสพอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้พักผ่อนหย่ิอนใจ หาความสุขสำราญ ผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ แม้กระทั่งพญานาคกับพญาครุฑก็ยังจำแลงแปลงกายเป็นคน เดินปะบนเทียวชมมหรสพกับฝูงชน



ทุกคนที่มาเที่ยวต่างก็มีความสุข สนุกสนานเฮอา หัวเราะ ปรบมืออย่างครึ้นเครง ในครั้งนั้น พญาครุฑยืนดูมหรสพอยุ่เบื้องหน้า พญานาคยืนอยู่เบื้องหลัง โดยทั้งคู่มิได้เอะใจแต่อย่างใด ต่างดูมหรสพกันอย่างเพลิดเพลิน

คราวหนึ่งพญานาคถูกอกถูกใจอย่างเต็มที่ในการแสดง จึงเผลอตัวยกมือตบไหล่พญาครุฑพลางหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ ทำให้พญาครุฑขุ้นใจและหันขวับมามองทันที

"เฮ้ย! นายถือดียังไงมาตบไหล่ข้า หาเรื่องหรือไง" พญาครุฑเอาเรื่อง
"เฮ้ย! ขอโทษที เพลินไปหน่อย ..." พญานาคพูดได้เท่านั้น ก็ต้องหลบหน้าทันที
"เฮ้ย! พญานาคนี่หว่า ข้ากำลังอยากพบตัวอยู่พอดี" พญาครุฑกล่าวอย่างโมโห

ผ่ายพญานาคตกใจกลัว มิได้ตอบโต้แต่ประการใด รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว พญาครุฑก็ติดตามไปทันที ด้วยหมายจะชำระแค้นให้สิ้นซาก

พญานาคก็พยายามหนีจนสุดฤทธิ์ แต่พญาครุฑก็ตามไม่ห่าง ขณะนั้น มีฤาษีตนหนึ่งเปลื้องผ้าเปลือกไม้อยู่ที่ริมลำธารแล้วลงอาบน้ำอยู่ในลำธาร พญานาคเห็นไม่มีที่พึงอื่นจึงจำแลงกายเป็นลูกแก้วเข้าไปหลบในผ้้าเปลือกไม้ของฤาษี ด้วยคิดว่า

"ท่าจะหนีไม่พ้นแล้วเรา ต้องอาศัยฤาษีช่วย ไม่งั้นตายแน่ ๆ "

ฝ่ายพญาครุฑที่ตามมาติด ๆ แม้รู้อยู่ว่าพญานาคแปลงเป็นลูกแก้ว หลบซ่อนอยู่ที่ผ้าเปลือกไม้ ด้วยความเคารพในฤาษีจึงมิอาจเลิกผ้าเปลืิอกไม้ออก ได้แต่รอคอยด้วยหวังว่า

"เดี่ยวเถาะ ... ท่านดาบสหยิบผ้านุ่งห่มเรียบร้อยเมื่อไร เสร็จข้าแน่ ไอ้พญานาค"

ดาบสรู้วาระจิตของพญาครุฑ จึงกล่าวเตือนว่า

"คนที่ยำเกรงต่อผู้มีคุณวุฒิภาวะสูงกว่า แม้กระหายใคร่จะสังหารพญานาค แต่ก็ไม่ทำเพราะพญานาคได้หลบอยู่ในผ้าเปลือกไม้ของผู้มี่มีวุฒิภาวะสูงกว่าผู้นั้นเป็นผู้ประเสริฐ จะเป็นผู้มีอายุยืนยาว ขออาหารทิพย์จงเกิดมีต่อผู้นั้น จงอย่าทำปาณาติบาต (ฆ่ากัน) เลย "



พอกล่าวจบดาบสก็ขึ้นจากน้ำนุ่งห่มผ้าเปลือกไม้ แล้วนำพญานาคกับพญาครุฑไปสู่อาศรม กล่าวพรรณนาอานิสงส์ของเมตา และพร่ำสอนไม่ให้เบียดเบียนกัน

ในที่สุดพญานาคกับพญาครุฑ ก็กลายเป็นมิตรกัน มิได้มุ่งร้ายต่อกันอีกเลย มาชาติสุดท้ายดาบสได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทุกคนรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น จงนำเอาเมตตาธรรมเข้ามาใช้ให้มาก อย่าปล่อยให้จิตใจเป็นคนป่าอีกต่อไปเลย ความสุขความสงบย่อมเกิดจาก "เมตตา" ดังพุทธสถภาษิตที่ว่า "โลโดปัตถัมภิกา เมตตา" เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น